Blogger templates

11/15/2554

ลำดับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์กาญจนบุรี สมัยสุโขทัยถึงอยุธยา


v ลำดับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์

สมัยประวัติศาสตร์


กาญจนบุรีสมัยกรุงสุโขทัย (พ.ศ.1781-1921)


ถึงแม้ในจารึกพ่อขุนรามคำแหงจะไม่ได้กล่าวถึงเมืองกาญจนบุรี  จึงไม่ปรากฏบทบาททั้งทางด้านทหาร การปกครองหรือการติดต่อค้าขายที่มีความสัมพันธ์กับสุโขทัย  แต่จากร่องรอยอิทธิพลขอมที่ปรากฏที่ปราสาทเมืองสิงห์สันนิษฐานว่าเมืองกาญจนบุรีนั้นเป็นเมืองที่สำคัญเมืองหนึ่งอันเป็นเส้นทางสัญจรของพ่อค้า นักเดินทางก่อนที่จะเดินไปยังเมืองต่างๆ เช่น เมืองมะริด เมืองทวาย เป็นต้น ผ่านทางด่านเจดีย์สามองค์  ด่านบ้องตี้



ด่านบ้องตี้ (ถ่ายจากถนนบ้องตี้) อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี       ด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

กาญจนบุรีสมัยกรุงศรีอยุธยา(พ.ศ.1921-2310)


ดินแดนในประเทศไทยเมื่อพุทธศตวรรษที่ 19-24 มีสภาพรัฐโบราณชัดเจนหลายแห่ง เช่น ล้านนา สุโขทัย และกรุงศรีอยุธยา เป็นต้น ในบรรดารัฐเหล่านี้กรุงศรีอยุธยามีอำนาจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ พ.. 1893 เมื่ออำนาจกรุงศรีอยุธยาแผ่ขยายครอบคลุมพื้นที่กาญจนบุรี เมืองกาญจนบุรีและชุมชนหลายแห่งพัฒนาเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญ ตรี อมาตยกุล (2511, หน้า 14) กล่าวว่าครั้นเมื่อพระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีอยุธยาแล้ว กาญจนบุรีก็เลยกลายเป็นเมืองหน้าด่านของกรุงศรีอยุธยาไป

เมื่อกรุงศรีอยุธยาได้รับการสถาปนาเป็นราชธานีของอาณาจักรไทย  เมืองกาญจนบุรีก็กลายเป็นเมืองที่สำคัญขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะในด้านประวัติศาสตร์สงครามกับพม่า หลักฐานการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณในจังหวัดกาญจนบุรีปรากฏร่องรอยทั่วไปในจังหวัดกาญจนบุรีตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์และมีการพัฒนาขึ้นตามลำดับ ชุมชนหลายแห่งมีการพัฒนาเป็นเมืองอย่างชัดเจนในสมัยกรุงศรีอยุธยาในฐานะเมืองหน้าด่านด้านตะวันตกของกรุงศรีอยุธยา



เจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี


เมืองหน้าด่านที่ตั้งของจังหวัดกาญจนบุรีเก่านี้  อยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศไทยติดกับเขตแดนพม่าโดยมีภูเขาตะนาวศรีเป็นเส้นเขตแดน  บริเวณเทือกเขาตะนาวศรีมีช่องทางข้ามไปมาระหว่างชาวไทย พม่า ทวาย มอญและกะเหรี่ยง  มีเส้นทางที่เรียกว่า ด่าน อยู่ 2 แห่ง  คือด่านพระเจดีย์สามองค์  อยู่ชายแดนอำเภอสังขละบุรี  กับด่านบ้องตี้ อยู่ชายแดนอำเภอไทรโยค  เมื่อพม่ายกทัพหวังเข้าตีกรุงศรีอยุธยา  ทัพของพม่าย่อมใช้เส้นทางที่ใกล้และสะดวก  เมื่อพม่าเคลื่อนทัพจากกรุงหงสาวดี  ต้องเดินทางผ่านด่านพระเจดีย์สามองค์  ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใกล้และสะดวกที่สุด ผ่านอำเภอทองผาภูมิ ข้ามแม่น้ำแควน้อยที่ผาอัน ผ่านไทรโยค(เก่า) ตัดเข้าแควใหญ่ที่ท่ากระดานเข้าเมืองกาญจนบุรีเก่าแล้วเดินทัพเข้าสุพรรณบุรี  ก่อนเข้าตั้งทัพชานพระนครกรุงศรีอยุธยา  ซึ่งกองทัพกรุงศรีอยุธยาก็ใช้เส้นทางเดียวกันนี้ในการเดินทัพสวนขึ้นไปตีพม่าหรือไล่ต้อนพม่ากลับไปยังดินแดนของตน

แผ่นดินเมืองกาญจนบุรีสมัยกรุงศรีอยุธยา  ได้ทำสงครามกับพม่าทั้งสิ้น 24 ครั้ง  มีอยู่ 17 ครั้งที่กองทัพไทยกับกองทัพพม่าทำการรบกันในพื้นที่เมืองกาญจนบุรี  หรือเดินทัพผ่านไปมาเพื่อทำสงครามต่อกันโดยมีครั้งที่สำคัญๆ ดังนี้


.. 2031 สงครามคราวกองทัพไทยตีเมืองทวาย ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ  เมืองทวายซึ่งเป็นเมืองของไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยได้แข็งเมืองเป็นขบถ  พระองค์จึงจัดทัพไปตีทวายกลับคืนมา  ในพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ ระบุถึงเหตุการณ์นี้ว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชเจ้าเสด็จไปเอาเมืองทวาย” (กรมศิลปากร, 2515, หน้า 451) หมายความถึงว่า สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมราชาธิราช พระราชโอรสเสด็จทัพไปตีเมืองทวาย สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ (2515, หน้า 565) ทรงสันนิษฐานถึงเส้นทางสู่เมืองทวาย ว่า เส้นทางแรกเป็นเส้นทางจากเมืองไทรโยคผ่านด่านบ้องตี้เข้าเมืองตะนาวศรีแล้วเดินทางสู่เมืองทวาย อีกเส้นทางหนึ่งเดินทางจากเมืองไทรโยคผ่านช่องเขาสูงสู่เมืองทวาย ซึ่งเป็นเส้นทางกันดารกว่าด่านบ้องตี้ เส้นทางเดินทัพไปตีเมืองทวาย พ.. 2031 จึงน่าจะใช้เส้นทางใดเส้นทางหนึ่งที่กล่าวมา
.. 2081 สงครามคราวกองทัพไทยตีเมืองเชียงกราน ในสมัยสมเด็จ-พระไชยราชาธิราช
ศึกสงครามครั้งแรกที่มีการใช้เส้นทางด่านพระเจดีย์สามองค์คือ  เมื่อครั้งสมเด็จพระไชยราชาธิราชยกทัพไปตีเมืองเชียงกราน  ซึ่งตั้งอยู่เหนือพระเจดีย์สามองค์ขึ้นไปในปีพ.ศ.2081 จากนั้นอีก 10 ปี คือ พ.ศ.2091 พระเจ้าตะเบงชะเวตี้ได้ยกทัพขนาดใหญ่  มีกำลังพลมากกว่าแสนคนเดินทัพเข้าทางด่านพระเจดีย์สามองค์เป็นครั้งแรก  ข้อมูลในพระราชพงศาวดารระบุว่าเถิงเดือน 11 เสด็จไปเชียงไกรเชียงกราน” (กรมศิลปากร, 2515, หน้า 454) หลังจากนั้นการเดินทัพของพม่าก็ใช้เส้นทางด่านพระเจดีย์สามองค์นี้เป็นส่วนมาก จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์

.. 2127 สมเด็จพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพ
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้มีการรบพุ่งหรือมีสงครามกับพม่าโดยตรง  เพียงแต่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้นำทัพครอบครัวไทย มอญ รวมทั้งพระมหาเถรคันฉ่อง พระยาเกียรติ พระยาราม จากเมืองแครงของพม่ากลับเข้ามากรุงศรีอยุธยา
ข้อมูลในคำให้การชาวกรุงเก่าระบุว่าแล้วออกจากเมืองหงสาจึ่งกวาดต้อนทั้งมอญและลาวไปทั้งพลเก่าและพลใหม่ได้เก้าพันแล้วจึ่งยกมาทางเมืองจิตองแล้วมาทางเมืองเมาะตะมะ แล้วจึ่งมาถึงท่าข้ามน้ำพลัน จึ่งยกมาทางอัตรัน ครั้นถึงสมิแล้วก็รีบมาจนถึง พระเจดีย์สามองค์แล้วจึ่งยกมาคอยท่าอยู่ที่ซอยหน้าภูมิ”  
เดิมแผนการเคลื่อนย้ายกำลังคนเป็นหมื่นๆ รวมทั้งช้าง  ม้า  วัว  ควาย นั้นพระองค์ทรงมีพระประสงค์จะเข้าทางด่านแม่ละเมา  แต่ทราบว่ากองกำลังพม่ายังมีอยู่ที่กำแพงเพชร จึงนำกำลังคนกลับเข้าทางด่านพระเจดีย์สามองค์แทน  
ทำให้ต้องเดินทางผ่านป่าผืนใหญ่ไม่อาจเดินทางผ่านได้ในวันเดียว  จำต้องพักข้างแรมในป่า  ต่อมากรมป่าไม้จึงประกาศให้ป่าทุ่งใหญ่ที่พระองค์นำกำลังคนเดินทางผ่านมานั้น เป็นป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เพื่อเป็นเกียรติแด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

.. 2127 พม่าตีกรุงศรีอยุธยา
พระเจ้าหงสาวดีส่งกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา โดยประชุมทัพกันที่กำแพงเพชร ฝ่ายกรุงศรีอยุธยารู้การณ์ล่วงหน้าก็เตรียมการรักษาพระนครไว้อย่างดี พระนเรศวรทรงต่อสู้อย่างเข้มแข็ง ท้ายที่สุดกองทัพพม่าก็พ่ายแพ้กลับไปทางด่านพระเจดีย์สามองค์
พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยายังระบุว่าพระเจ้าหงสาให้พระสาวถีและพระยาพสิมยกพล ลงมายังกรุงพระนครและ ณ วันพุธขึ้น 2 ค่ำ เดือน 2 เพลาเที่ยงคืน แล้ว 2 นาฬิกา 9 บาท เสด็จพยุหยาตราไปตั้งทัพตำบลสามขนอน ครั้งนั้นศึกหงสาแตกพ่ายหนี” (กรมศิลปากร, 2515, หน้า 464)

.. 2133 พระมหาอุปราชายกกองทัพตีกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก
พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงนองโปรดให้พระมหาอุปราชายกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาผ่านทางด่านพระเจดีย์สามองค์ สมเด็จพระนเรศวรเสด็จขึ้นครองราชต่อจากพระราชบิดาซึ่งเสด็จสวรรคต ทรงทราบว่าพม่ายกทัพมาจึงนำกำลังพลไปสกัดพม่าที่ลำน้ำท่าคอย เขตเมืองสุพรรณบุรี พม่ายกทัพมาถึงเมืองกาญจนบุรีไม่เห็นมีกองทัพไทยจึงยกทัพผ่านเข้ามา ฝ่ายไทยจึงแอบซุ่มโจมตีพม่าแตกพ่ายกลับไป
พระราชพงศาวดารระบุถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่าวันอังคารแรม 2 ค่ำ เดือน 12 มหาอุปราชา ยกทัพมาโดยทางกาญจนบุรี ครั้งนั้นได้ตัวพระยาพสิมตำบลจรเข้สามพัน” (กรมศิลปากร, 2515, หน้า 467)

.. 2135 พระมหาอุปราชายกกองทัพตีกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง หรือสงครามยุทธหัตถี
พระเจ้าหงสาวดีไม่สามารถเอาชนะไทยได้ในการรบเมื่อคราว พ.ศ. 2133 จึงให้พระมหาอุปราชากลับมาตีไทยอีกครั้ง โดยยกกำลังเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์เช่นเคย ครั้งนี้สมเด็จพระนเรศวรได้ทำสงครามยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา จนพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ กองทัพพม่าแตกพ่ายกลับไปทางด่านพระเจดีย์สามองค์
ข้อมูลในพระราชพงศาวดารระบุว่าครั้งเถิงเดือนยี่ มหาอุปราชายกมาเถิงแดนสุพรรณบุรีแต่ตั้งทัพตำบลพังตรุ

.. 2206 พม่ายกกองทัพมาทางเมืองกาญจนบุรี
ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์  พระเจ้าอังวะส่งกองทัพมาปราบมอญที่หนีเข้ามาพึ่งไทยเข้ามาทางเมืองกาญจนบุรี  พม่ายกกำลังตามมา  สมเด็จพระนารายณ์โปรดให้พระยาสีหราชเดโชไชยยกกำลังไปทางด่านแม่ละเมา  ถ้าพม่าไม่ยกมาให้เลยมาช่วยทางเมืองกาญจนบุรีและโปรดให้พระยาโกษาธิบดีเป็นแม่ทัพสกัดทัพพม่าที่ยกเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ 
เมื่อทราบว่าทัพพม่ามาถึงไทรโยค  กองทัพหลวงตั้งอยู่ท่าดินแดง  พระยาโกษาธิบดีจึงรีบยกกองทัพมาที่เมืองกาญจนบุรี  แล้วให้กองทัพหน้าไปขัดตาทัพอยู่ที่ตำบลท่ากระดานและด่านกรามช้างริมแม่น้ำแควใหญ่  ฝ่ายกองทัพพระยาสีหราชทราบข่าวก็รีบยกทัพมาจากกำแพงเพชร  เมื่อกองทัพพระยาโกษาธิบดีเข้าตีพม่าที่ไทรโยคแล้ว  พระยาสรหราชก็พากองทัพไปตีสกัดพม่าด้านหลังที่เมืองสังขละ รบกันอยู่สามวัน  พม่าจึงพ่ายแพ้กลับไป (สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, 2515, หน้า 242-245)

.. 2207 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้า ฯ ให้ยกกองทัพไป ตีพม่า
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นกษัตริย์องค์เดียวที่โปรดให้กองทัพเข้าตีเมืองอังวะของพม่า  โดยโปรดให้พระยาโกษาธิบดี(ขุนเหล็ก) ยกกองทัพไปทางด่านพระเจดีย์สามองค์เข้าตีพม่าทางเมืองเมาะตะมะ  ตีหัวเมืองตามรายทางได้เมืองจิตตอง  เมืองสิเรียม  เมืองร่างกุ้ง  เมืองหงสาวดี  เมืองแปรและเข้าล้อมเมืองพุกามแต่ก็ไม่สามารถเข้าเมืองได้  เพราะขาดเสบียงอาหารจึงจึงยกทัพถอยกลับ  ไม่ได้เข้าตีเมืองอังวะตามที่ตั้งใจไว้ (สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, 2515, หน้า 248-252)

.. 2310 สงครามเสียกรุงครั้งที่ 2
ในการยกทัพเข้าตีไทยครั้งนี้พม่าได้เตรียมการ  วางแผนต่างๆ มาอย่างดี โดยยกทัพมาตีเชียงใหม่ตั้งแต่พ.ศ.2308 ได้เมืองเชียงใหม่ก็ไม่ยกทัพกลับ พระเจ้ามังระจึงส่งกองทัพมาตีไทยทั้งสองทางคือให้เนเมียวสีหบดีคุมพลมาทางเชียงใหม่  ให้มังมหานรธายกทัพมาทางด่านพระเจดีย์สามองค์เข้าตีกองทัพไทยที่เมืองกาญจนบุรี   แล้วค่อยๆ เคลื่อนกำลังพลเข้ามาสมทบกับกองทัพของเนเมียวสีหบดีปิดล้อมพระนคร  ถุงฤดูน้ำหลากก็ไม่ยกทัพกลับ  แต่เคลื่อนกำลังพลไปตรงที่ดอนแล้วทำนาสะสมเสบียง  ระหว่างการปิดล้อมก็มีการรบพุ่งกับทหารไทยอู่เป็นระยะ  จนวันก่อนสงกรานต์ปีพ.ศ. 2310 พม่าก็สามารถเข้าพระนครได้  ไทยจึงพ่ายแพ้แก่พม่า  รวมระยะเวลาที่พม่าปิดล้อมพระนคร 1 ปี 2 เดือน (สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, 2515, หน้า 339-371)

จะเห็นได้ว่าตลอดสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น  เมืองกาญจนบุรีมีบทบาทอย่างมากในฐานะเป็นเมืองหน้าด่าน  เป็นเส้นทางเดินทัพทั้งกองทัพไทยและกองทัพพม่า  อีกทั้งยังเป็นสมรภูมิสู้รบที่สำคัญอีกด้วย




1 ความคิดเห็น:

  1. ทาง เข้า finn88 โปรโมชั่นแจ็คพอตแตกกระจายที่สะสมมาให้สมาชิกทั้งหลายแหล่นำไปประกอบกิจการตกลงใจ pg slot และก็คุ้มต่อการเสี่ยงดวงเกมพนันออนไลน์รูปแบบใหม่ชอบใจนักลงทุนอย่างแน่แท้

    ตอบลบ

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...